เกมรักพิศวง 7 รู้แค่ว่า คิดถึงคุณ

กระทู้สนทนา
บทที่ 7
https://pantip.com/topic/38523652

.....
ท้ายบทที่แล้ว
ไม่ใช่เรื่องจริง! เธอเป็นเพียงโปรแกรมเกิดมาจากเลขฐานสองเท่านั้น ไม่มีตัวตน ไม่มีจิตใจ สมองสั่งการว่าไม่..

.......

             แต่มือกลับยื่นออกไปกดเบอร์ล่าสุดโทรออกไปราวกับไม่ใช่มือของตัวเอง

             เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัว

             รับสายสิ… เขาร้องในใจอย่างรุ่มร้อนขุ่นเคืองแบบไม่มีเหตุผล ถ้าไม่รับสาย ผมจะวางหูและปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ เดินออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อลองดูก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าไม่แน่  เรื่องอะไรผมจะมานั่งรอง้อเกม...ไม่มีทาง..ไม่มีทาง! อุตส่าห์โทรมาหาแล้วนะ...  คุณต้องให้ความสำคัญกับผมสิ...ผมจะนับหนึ่งถึงสาม ตัดสินใจให้ดีก็แล้วกัน จะหาว่าไม่เตือน  ผมเริ่มนับละ...หนึ่ง…..สอง.........สาม    ผมเอาจริงละนะ....

             ครบสามแล้ว  คิดว่าผมไม่กล้าหรือ ไปจริงๆ นะ! .ให้โอกาสให้เวลาคุณแล้ว...คุณดื้อเอง ลาก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ จากกันชั่วนิรันดร ไม่พบมาเจอไม่ต้องคุยกันอีกตลอดไป

           จะเอาแบบนี้ใช่ไหม...ได้เลย!  ต้องการแบบนี้ใช่ไหม!

            จบกัน!

            ใจหายวูบ เป็นความรู้สึกระหว่างไม่ง้อ...และอยากให้คนง้อ!  แล้วทำไมมันเจ็บลึกๆ แบบแปลกๆ! เวิ้งว้างจนน่าใจหาย

            ถึงจะพยายามคิดและบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ร่างกายยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมทำตาม ความรู้สึกสั่นสะท้าน เพียงเบิ่งตาจ้องมองรอคอยต่อไปไม่สนใจอาการโวยวายทางความคิดของตัวเองเลยสักนิด ในที่สุดใจอ่อนยวบ ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เป็นการคิดแบบอ้อนวอน กดเรียกย้ำเข้าไปอีกรอบ

             ผมขอโทษครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งคุณไป โปรดรับสายสักนิดนะครับ

            ทำไม พอยอมอ่อนข้อให้ กลับรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด การ “ ยอม” มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเลยสักนิด!  จะบังเอิญหรือเพราะอะไรก็ตาม...ในที่สุดเธอก็ยกหูโทรศัพท์

             “ไชโย...”    คราวนี้เขาเผลอตัวกระโดดร้องเสียงดังด้วยความดีใจออกมาจริงๆ แต่ยังไม่มีคำพูดของเธอให้ได้ยิน จนเขาเองต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นถามขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ในใจระงมด้วยคำพูดว่า อย่าวางสาย  อย่าวางสาย...

             “ผมขอโทษนะครับ”

             เธอยังคงนั่งนิ่งโดยไม่พูดอะไรออกมา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี จนต้องกล่าวตอกย้ำความจริงใจไปอีกครั้ง

             “ผมอยากขอโทษคุณจริงๆ “

             “ขอโทษทำไมคะ” ในที่สุดหญิงสาวในเกมพิศวงก็เอ่ยปากถามขึ้นมา น้ำเสียงเหมือนคนสะกดอาการสะอื้นเอาไว้ไม่มิด แต่อย่างน้อยก็สถานการณ์ยังดีกว่าอาการนิ่งเงียบปราศจากการโต้ตอบ

             “ก็... ผมทำให้คุณเสียใจ” บ้าเอ๊ย...! ก็เพิ่งบอกตัวเองว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย จะไปเสียใจทำไม... สำนึกฝ่ายไม่ดีคัดค้าน แต่สำนึกฝ่ายไหนไม่รู้เหมือนกัน ทำให้เขาพล่ามไปอีกแบบ

             “ผมยอมรับ ว่าผมตกใจ ละล้าละลัง ตั้งตัวไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับคุณต่อ แล้วเกม...เอ่อ สายก็ตัดไปเอง และ...ผมไม่ได้วางหูนะครับ เอ่อ อีกอย่างคงเป็นเพราะผมไม่เคยตาบอด อย่างที่เคยบอกครับ เลยไม่เข้าใจอะไร”

             พูดออกไปแล้วแทบอยากกัดปากตัวเองให้เลือดไหล ความสับสนในใจทำให้หาคำดีๆ กว่านี้ไม่ได้แล้ว

             “ไม่เป็นไรค่ะ…” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปรกติที่สุด “คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นสาเหตุให้ฉันเศร้าใจ ใครบอกคุณ”

             นั่นล่ะสิ....เขาคิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว ถ้าอย่างนั้นเธอเศร้าใจเรื่องอะไรกัน เพราะวันเวลาผ่านมาหลายวัน ยังไม่เคยเห็นเธอมีอาการแบบนี้เลย

             “เอาเป็นว่าผมขอโทษแทนใคร หรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้คุณเศร้าใจก็แล้วกันครับ” เขาหาออกจนได้ คำพูดของคนดิ้นหนีความหน้าแตกให้กับตัวเอง น่าจะเป็นการหนีถูกทางเพราะสีหน้าของหญิงสาวเริ่มดีขึ้น

             “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว ว่าแต่คุณยังอยากคุยกับฉันอยู่ไหมคะ”

             “แน่นอนครับ” เขารีบตอบรับด้วยความรวดเร็วชนิดไม่ต้องคิด เพราะความจริงได้คำตอบเรียบร้อยตั้งแต่เดินออกมาจากร้านเหล้า เพียงแต่ยังทำใจยอมรับไม่ได้เท่านั้น และจะไม่มีการพลาดเป็นครั้งที่สองอีก   “คราวก่อนยังคุยกันไม่จบเลยสายก็ตัดไปเสียก่อน ว่าแต่ เอ..เราคุยถึงเรื่องอะไรกันนะ”

            “ถึงตอนคุณบอกว่าคุณไม่เคยตาบอด” ความทรงจำของหญิงสาวแม่นยำชัดเจน ทำให้เขาได้แต่นั่งฝืนยิ้มอยู่อีกฟากฝั่งแบบไปไม่เป็นจริงๆ กับคำพูดเชยๆของตัวเอง ดีว่าหญิงสาวมาช่วยเอาไว้โดยการเป็นฝ่ายพูดต่อไป

             “เอาเถอะ ในเมื่อคุณบอกว่าคุณไม่เคยตาบอด ถ้าอย่างนั้นฉันจะเล่าความสามารถพิเศษของคนตาบอดให้คุณฟัง คนเรามีประสาทสัมผัสหลายอย่าง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บางทีเคราะห์กรรมอาจทำให้บางอย่างหายไป แต่ก็จะทำให้ประสาทสัมผัสที่เหลือดีขึ้นอย่างเกินคาด เชื่อไหมว่าฉันจับพิรุธการโกหกของคุณจากน้ำเสียงได้ชัดเจน จนแทบจะเดาสีหน้าท่าทางของคุณได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าด้วยซ้ำ พูดตรงๆ ก็คือฉันมีสัญชาตญาณพิเศษที่คนทั่วไปไม่มี ปัญหาทางสายตาทำให้ฉันพบความสามารถพิเศษของตัวเอง ถ้าคุณรังเกียจฉันขนาดนั้น เรายังจะต้องคุยกันอีกทำไมคะ”

           เธอทำท่าจะวางหูโทรศัพท์

           “ไม่ๆๆ....อย่าเพิ่งครับ ได้โปรดฟังผมก่อน” เขาร้องเสียงดังจนตัวเองตกใจ และคำพูดต่อไปของเขายิ่งทำให้ตกใจกับตัวเองมากขึ้น

           “ผมไม่ได้รังเกียจคุณจริงๆ คุณอ่านใจผมผิดเพราะระยะทางแน่ๆ เอาอย่างนี้ไหม ผมจะให้คุณพิสูจน์กันต่อหน้าว่าผมไม่ได้รังเกียจคุณเลยสักนิด บอกมาสิครับว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาคุณ เพื่อยืนยันคำพูดของผมด้วยตัวผมเอง”




             หญิงสาวแปลกใจกับน้ำเสียงรอบหลังซึ่งฟังดูจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อจากคนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนในชีวิต แทบจะมองเห็นสีหน้าท่าทางตกใจของอีกฝ่าย จนชวนให้คิดว่าเขาสนใจจริงใจขนาดนั้นเชียวหรือ แม้จะรู้ว่ามาจากความบริสุทธิ์ใจจริงไม่มีอื่นใดเคลือบแฝง แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเอาไว้ก่อน ไม่ควรไว้ใจอะไรเร็วไปนัก เธอยิ้มแห้งๆและถามกลับเสียงเบา

             
             “คุณจะมาแสดงความจริงใจอะไรคะ ชื่อฉัน คุณยังไม่รู้จักเลย ความจริงเราแทบไม่รู้จักกันด้วยซ้ำนะคะ”

             “อือ... นั่นสิครับ” ฃายหนุ่มหัวเราะเจื่อนๆ อาจเพราะเธอห่างหายจากผู้คนมานาน การได้คุยกับคนแปลกหน้าที่มีทีท่าแสดงความสนใจเธออย่างเปิดเผย ก็ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น แต่นั่นคงไม่ใช่เหตุผลว่าเธอจะยอมให้เขาพบหน้าได้โดยง่ายดาย

             “ขอบคุณนะคะ แต่อย่าเลย ถึงคุณมา ฉันก็มองเห็นคุณไม่ได้ ถ้าเราต้องนัดไปเจอกันที่ไหน คุณเสียอีก ที่จะต้องอายเวลาเดินกับฉัน”

             “ทำไมผมต้องอายด้วยล่ะครับ”

             “อ้าว เพราะคุณเดินกับคนตาบอดยังไงคะ”

             “เดินกับคนตาบอดต้องอายด้วยเหรอครับ”

             “แล้วคิดว่าคุณจะอายไหมล่ะ”

             อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไปเมื่อโดนย้อนศร รอบนี้เขาเหมือนไม่ดื้อดึงปฏิเสธหรือหาคำมาโกหกเธออีก หรือไม่ก็คิดหาคำพูดต่อไปไม่ทัน

             “ผมเลยไม่รู้จะไปต่อยังไงเลย” ตอบแบบเสียงไม่แน่ใจตัวเอง “แหม ถามแบบนี้ผมไปไม่เป็นเลยครับ”

             “ฉันก็เหมือนกัน ไปไม่เป็นเหมือนกัน.”  หญิงสาวตอบเสียงเจื่อนพอกัน นึกเสียดายที่บทสนทนาคงต้องจบลงเพียงเท่านี้   เขาเหมือนยอมรับแล้ว ว่าไม่อยากคบกันต่อไป

             นึกถึงคำพูดของแจ๋นเพื่อนรัก ผู้โทรมาถามข่าวอย่างเป็นห่วงเสมอ เมื่อบอกแจ๋นให้รู้ว่าชายลึกลับวางสายไปเมื่อรู้ว่าเธอตาบอด แจ๋นก็ได้แต่ปลอบใจ

             “ลืม ๆเขาไปเถอะ ถ้าเขาไม่สนใจเรา ก็อย่าไปสนใจเขา หาแฟนใหม่ก็ได้”

             “เรายังไม่เป็นเป็นแฟนกันเลยนะแจ๋น” แม้จะรู้สึกใจหายบ้างก็อดขำคำพูดของเพื่อนรักไม่ได้

             “ไม่รู้ละ ทำใจไว้เลย เขาคงไม่โทรมาอีกหรอก”

             คำพูดสุดท้ายของเพื่อนทำให้เริ่มทำใจยอมรับความจริงมาได้พักหนึ่งแล้ว  ไปไม่ได้ ก็หมายถึงพูดคุยกันต่อไปไม่ได้  คิดพลางทำใจเตรียมบอกลาแล้วตัดสายวางหูโทรศัพท์ ถ้าไม่เพราะได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้นว่า

             “เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมว่าเราเริ่มต้นมารู้จักชื่อกันก่อน ขอผมแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อสักกะ เอ่อ...จริงๆ ผมก็อยากบอกชื่อหรูๆ ฟังดูดี อย่างที่หามาตั้งเวลาเล่นเกม อย่างลูซิเฟอร์ เคออส ไซโคแมน จีที อะไรประมาณนั้น แต่พอเดาได้ว่าเดี๋ยวคุณก็หาว่าผมไม่จริงใจอีก เลยบอกชื่อจริงดีกว่า”

             เขาพูดติดกันยาวพรืด สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงอยากแก้ตัวที่ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งคงเป็นนิสัยผู้ชายที่ ‘อยากยื้อ’ เกมนี้ไว้นานๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เธอเองก็เข้าใจดีแต่ยังคงอยากสนทนาต่ออีกสักนิด เพราะอย่างน้อยชายหนุ่มผู้ลึกลับก็แสดงความจริงใจระดับหนึ่ง และไม่ได้สัมผัสความความมุ่งร้ายอะไรเลย

             “ชื่อสักกะก็ดีแล้วนี่คะ ใช่แปลว่าพระอินทร์หรือเปล่า” เธอพยายามทำเสียงให้เป็นปรกติ  

             “ถูกต้องนะครับ แล้วคุณล่ะ”

             “ฉันชื่อสโรชิน คุณลองทายสิคะ ว่าแปลว่าอะไร”

             “เอ... ชื่อแปลก ภาษาญี่ปุ่นหรือเปล่าครับ ลูกสาวของโอชิน อะไรประมาณนั้น”

             “ไม่ใช่เลย…” เธอลากเสียง ทำท่าเหมือนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นกับอารมณ์ขันเล็กๆของอีกฝ่าย  “แปลว่าดอกบัวต่างหาก”

             ดอกบัวที่เอาไว้ถวายพระ เอาไว้บูชาเทวดา เทวดาทั้งหลายก็ได้แก่พระอินทร์เป็นต้น บังเอิญไปไหม เพิ่งบอกว่าเธออยู่ในเกมของเขา ไปๆมาๆ ชื่อของเธอก็เป็นชื่อของดอกไม้ที่เอาไว้บูชาชื่อของเขาอีกจนได้

             “ชื่อดี ความหมายก็ดีนะครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเจือยิ้ม ราวกับอ่านใจเธอออกบ้าง


...

มีต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งนิยาย
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่